“Plasma Innovation for People and Planet”

ผู้เชี่ยวชาญ ด้านเทคโนโลยีพลาสมาเย็น
ผู้เชี่ยวชาญ ด้านเทคโนโลยีพลาสมาเย็น
  • Home Page
  • Plasma Innovation
  • Cold Plasma Textile
  • HS PAW Generator
  • Vacuum Plasma Furnace
  • Vacuum Plasma AntiTarnish
  • Plasma Dry-tech™
  • Natural Dyeing Innovation
  • The Signature Patterns
  • Thung Hong
  • Saon Khuean Ban Pin
  • Ban Thin Nai Wiang
  • Huai O Sai Yoi
  • Thung Kwao Nam Cham
  • Cho Hae Sung Men
  • Return & Refund Policy
  • Contact Us
  • หมูแดดเดียว
  • BioSignal Farming
  • โคกหนองนา

ฟาร์มชีวสัญญาณ (BioSignal Farm) จากเทคโนโลยีพลาสมาเย็น

ฟาร์มปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ด้วยนวัตกรรม ฟาร์มชีวสัญญาณ (BioSignal Farm)

ฟาร์มชีวสัญญาณ BioSignal Farming คือแนวคิดการทำเกษตรยุคใหม่ ที่ใช้ “สัญญาณชีวภาพ (Biological Signals)” ซึ่งได้มาจาก พลาสมาเย็น (Cold Plasma) หรือแหล่งพลังงานชีวฟิสิกส์อื่น ๆ มาเป็นเครื่องมือ กระตุ้น สื่อสาร และเสริมศักยภาพ ให้กับพืช สัตว์ และจุลินทรีย์ในระบบเกษตร

สัญญาณชีวภาพเหล่านี้ (BioSignals) อาจอยู่ในรูปของ


  • ROS/RNS (Reactive Oxygen & Nitrogen Species) ทำหน้าที่เหมือนสารสื่อชีวภาพ กระตุ้นการงอกและภูมิคุ้มกัน
     
  • การเปลี่ยนแปลงทางไฟฟ้าและประจุ ช่วยเปิดช่องทางการแลกเปลี่ยนสารอาหารในเซลล์พืช
     
  • สัญญาณโมเลกุลระดับต่ำ ช่วยเร่งการเจริญเติบโตและเพิ่มประสิทธิภาพการสังเคราะห์แสง พลาสมาเย็นคือ “สถานะที่ 4 ของสสาร” ที่สร้างขึ้นจากก๊าซภายใต้พลังงานไฟฟ้า เกิดเป็นอนุภาคที่มีพลังสูง เช่น


จุดเด่นของ BioSignal Farming


  1. การสื่อสารกับพืชและดิน
    ใช้สัญญาณชีวภาพจากพลาสมาแทนสารเคมี เพื่อส่ง “ข้อความ” ให้พืชเปิดรับน้ำและธาตุอาหารได้ดียิ่งขึ้น
     
  2. ลดการพึ่งพาสารเคมี
    ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง และสารกันเชื้อโรคสามารถลดลงได้ เพราะสัญญาณชีวภาพช่วยปรับสมดุลธรรมชาติให้ระบบนิเวศฟื้นตัวเอง
     
  3. เกษตรแม่นยำ (Precision Farming)
    สามารถออกแบบสัญญาณเฉพาะ (BioSignal Protocols) สำหรับแต่ละพืช/สัตว์ เพื่อให้ได้ผลผลิตสูงสุดในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน
     
  4. เชื่อมโยงวิทยาศาสตร์กับภูมิปัญญา
    BioSignal Farming ไม่ได้แทนที่ภูมิปัญญาท้องถิ่น แต่เป็นการ เสริมพลัง ให้การทำเกษตรดั้งเดิมปลอดภัยและยั่งยืนขึ้น
     

 

 การประยุกต์ใช้ในฟาร์มชีวสัญญาณ (BioSignal Farming) 

 

ด้านการปลูกพืช (Plant Farming)

  • การเตรียมเมล็ดพันธุ์ ใช้สัญญาณชีวภาพจากพลาสมาช่วยฆ่าเชื้อราและแบคทีเรีย เพิ่มอัตราการงอกและความแข็งแรง
     
  • การรดน้ำด้วยน้ำชีวสัญญาณ (PAW) รากพืชดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น ลดการใช้ปุ๋ยเคมี
     
  • การฉีดพ่นทางใบ กระตุ้นภูมิคุ้มกันพืช ลดการพึ่งพาสารเคมีกำจัดศัตรูพืช
     
  • การยืดอายุการเก็บรักษาผลผลิต ผักและผลไม้ที่ผ่านการล้าง/บ่มด้วยน้ำพลาสมา เก็บได้นานขึ้นโดยไม่ใช้สารกันเสีย
     

ด้านการเลี้ยงสัตว์ (Animal Farming)

  • ฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ น้ำชีวสัญญาณช่วยฆ่าเชื้อในบ่อ ลดการใช้ยาปฏิชีวนะ ป้องกันโรคในปลาและกุ้ง
     
  • ฟาร์มปศุสัตว์ ใช้ล้างโรงเรือนและอุปกรณ์ เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรคและกลิ่นเหม็น
     
  • การส่งเสริมสุขภาพสัตว์ น้ำชีวสัญญาณบางชนิดสามารถผสมในน้ำดื่มเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันสัตว์เลี้ยง
     

ด้านสิ่งแวดล้อมในฟาร์ม (Farm Environment)

  • จัดการน้ำเสีย ใช้พลาสมาช่วยย่อยสลายสารอินทรีย์และลด BOD ในน้ำที่ออกจากฟาร์ม
     
  • ลดกลิ่นและเชื้อโรคในบรรยากาศ ใช้พลาสมาอากาศเพื่อลดกลิ่นในโรงเรือนและบริเวณบ่อขยะอินทรีย์
     
  • สนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ใช้น้ำ อากาศ และพลังงานไฟฟ้า แทนสารเคมีที่เป็นพิษ
     

ด้านสังคมและอนาคตอาหาร (Future Food & Community)

  • อาหารปลอดภัย ลดสารเคมีตกค้างและยาปฏิชีวนะ
     
  • ฟาร์มยั่งยืน ใช้พลังงานต่ำ ไม่ทิ้งสารเคมีสู่สิ่งแวดล้อม
     
  • เพิ่มผลผลิตและความทนทาน ช่วยให้พืชและสัตว์รับมือกับสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง
     
  • เสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น BioSignal Farming เป็นเหมือนเครื่องมือเสริมให้เกษตรชุมชนพัฒนาไปสู่การผลิตอาหารในอนาคต

กรณีศึกษาการใช้น้ำพลาสมาในประเทศต่าง ๆ

 การประยุกต์ใช้น้ำพลาสมาได้รับความสนใจในหลายประเทศทั่วโลก ทั้งในแง่งานวิจัยและการใช้จริงเชิงอุตสาหกรรม ดังตัวอย่างกรณีศึกษาต่อไปนี้:

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่นเป็นประเทศแรก ๆ ที่ศึกษาการใช้พลาสมาในเกษตรอย่างจริงจัง งานวิจัยที่มหาวิทยาลัยคิวชู พบว่าการฉายพลาสมาต่อเมล็ดพืชสามารถเร่งการเจริญเติบโตและเพิ่มผลผลิตได้ เช่น ในการทดลองกับต้นอาหรับิดอปซิส (Arabidopsis thaliana) เมื่อฉายพลาสมาต่อเมล็ด 3 นาที ก่อนนำไปปลูก พบว่าพืชออกใบและเก็บเกี่ยวได้เร็วขึ้น ใช้เวลาสั้นลง 7% (จาก 71 วันเหลือ ~66.5 วัน) และน้ำหนักเมล็ดเพิ่มขึ้น 12% ขณะที่ขนาดใบใหญ่ขึ้น 30% เมื่อเทียบกับเมล็ดที่ไม่ผ่านพลาสมา นอกจากนี้งานทดลองในพืชชนิดอื่น (เผยแพร่ในปี 2015) ยืนยันว่าพลาสมาช่วยให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นถึง ~11% แม้ว่าการใช้ “น้ำพลาสมา” โดยตรงในฟาร์มญี่ปุ่นยังไม่ได้แพร่หลายเท่าบางประเทศ แต่แนวคิดเรื่อง “การเกษตรพลาสมา” (Plasma Agriculture) ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นในแวดวงวิชาการและอุตสาหกรรมญี่ปุ่น เป้าหมายคือใช้พลาสมาเพื่อลดการใช้ปุ๋ยไนโตรเจนและยาฆ่าแมลง และสร้างระบบการผลิตอาหารที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโตโฮคุกำลังพัฒนาเทคโนโลยีพลาสมาเพื่อใช้ในการลดการใช้สารเคมีในการปลูกพืช และบริษัทเอกชนบางแห่งในญี่ปุ่น (เช่น Japan Institute of Future Science) ได้เริ่มธุรกิจที่เกี่ยวกับการประยุกต์พลาสมาในอุตสาหกรรม รวมถึงด้านการเกษตรและสิ่งแวดล้อม

เกาหลีใต้

เกาหลีใต้มีความก้าวหน้าในการวิจัยน้ำพลาสมาโดยเน้นที่การเพิ่มผลผลิตและคุณภาพของพืชสวน งานวิจัยล่าสุด (ตีพิมพ์ปี 2025) โดยสถาบันพลังงานฟิวชันเกาหลีและมหาวิทยาลัยในเกาหลี ทดลองใช้น้ำพลาสมาที่ผลิตด้วยอุปกรณ์ Surface DBD plasma รดต้นมะเขือเทศตั้งแต่ระยะเมล็ดจนออกผล ผลลัพธ์น่าทึ่ง: น้ำพลาสมาช่วยให้ต้นกล้ามะเขือเทศโตเร็ว แข็งแรง น้ำหนักชีวมวลเพิ่มขึ้นถึง 3.6 เท่า และพื้นที่ใบเลี้ยงเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าเมื่อเทียบกับชุดควบคุมที่ไม่ได้ใช้น้ำพลาสมา ในช่วงออกดอก น้ำพลาสมายังทำให้จำนวนดอกเพิ่มขึ้น 2 เท่าและค่า chlorophyll ในใบสูงขึ้น บ่งชี้สุขภาพของพืชที่ดีกว่าเดิม และเมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยว ต้นที่ได้รับน้ำพลาสมาให้จำนวนผลมะเขือเทศมากขึ้นถึง 3 เท่า และน้ำหนักรวมต้นเพิ่มขึ้น ~3.9 เท่าเมื่อเทียบกับต้นที่ไม่ได้รับการกระตุ้นด้วยพลาสมา โดยคุณลักษณะของผลผลิตที่ได้ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ (ไม่มีผลเสียต่อรูปทรงหรือคุณค่าของมะเขือเทศ)งานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่า PAW สามารถใช้เป็นแหล่งธาตุอาหารทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสำหรับการปลูกพืช ลดความจำเป็นในการใส่ปุ๋ยเคมีในดินที่ขาดธาตุอาหาร และส่งเสริมการเติบโตทุกช่วงวัยของพืชได้สำเร็จ ขณะเดียวกัน สถาบันวิจัยของเกาหลี (เช่น Korea Institute of Plasma Technology) ก็กำลังพัฒนาอุปกรณ์พลาสมาพกพาสำหรับผลิตน้ำพลาสมาเพื่อใช้งานจริงในฟาร์ม เช่น การฉีดพ่นบนแปลงผักหรือในโรงเรือน ซึ่งเป็นแนวโน้มที่จะเห็นการต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ในอนาคตอันใกล้ นับว่าเกาหลีใต้กำลังปูทางสู่การนำพลาสมาไปใช้ในภาคการเกษตรในระดับฟาร์มจริง โดยอาศัยองค์ความรู้ด้านพลาสมาที่ประเทศมีอยู่เดิมจากอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และพลังงาน

สหรัฐอเมริกา

สหรัฐฯ มีทั้งการวิจัยเชิงลึกและการพัฒนาเชิงธุรกิจเกี่ยวกับน้ำพลาสมาในภาคเกษตร ด้านงานวิจัย: มหาวิทยาลัยและศูนย์วิจัยหลายแห่ง (เช่น Cornell, North Carolina State, Drexel) สนใจศึกษาการใช้พลาสมาเพื่อการเกษตร เช่น Cornell University ได้จัดการประชุม Plasma-Activated Water Summit 2025 เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างนักวิทยาศาสตร์และภาคธุรกิจเกี่ยวกับการใช้ PAW ในการผลิตพืชที่ยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการผลิตปุ๋ยไนโตรเจนทางเลือกจากพลาสมา การใช้ PAW ในการเคลือบเมล็ดเพิ่มความต้านทานโรค และระบบผลิตน้ำพลาสมาแบบ on-farm ที่ผนวกเข้ากับระบบให้น้ำเกษตร นอกจากนี้ งานวิจัยที่มหาวิทยาลัย NC State (เผยแพร่ปี 2025) ยังพบว่าน้ำพลาสมาที่ไม่มีไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์สามารถใช้แทนปุ๋ยไนเตรตในการปลูกต้นอาราบิดอปซิสได้ผลเทียบเท่าการให้ปุ๋ยเคมี และช่วยกระตุ้นยีนที่เกี่ยวกับการดูดซึมไนโตรเจนในพืช อีกทั้งยังช่วยเสริมความทนทานต่อความร้อนของรากพืชได้ด้วย แสดงให้เห็นว่า PAW มีศักยภาพเป็นปุ๋ยทางเลือกที่มีประสิทธิภาพ หากควบคุมองค์ประกอบอย่างเหมาะสม 

ด้านเชิงพาณิชย์: มีสตาร์ทอัพและบริษัทในสหรัฐฯ ที่นำน้ำพลาสมามาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์จริงเพื่อเกษตรกร หนึ่งในนั้นคือ Plasma Water Solutions (Plasma Waters) บริษัทสตาร์ทอัพจากไมอามี ซึ่งพัฒนาเทคโนโลยีพลาสมาแบบ continuous-flow สำหรับเปลี่ยนน้ำธรรมดาให้กลายเป็นน้ำพลาสมาแบบเรียลไทม์ จุดเด่นคือเป็นสารฆ่าเชื้อจุลินทรีย์และสารกระตุ้นการเจริญเติบโตตามธรรมชาติ ใช้ทดแทนยาฆ่าแมลงและสารกระตุ้นการเจริญเติบโตเคมีได้บริษัทนี้ได้เริ่มทดสอบเทคโนโลยีในฟาร์มขนาดใหญ่ในสหรัฐแล้ว โดยติดตั้งระบบผลิตน้ำพลาสมาในแปลงเกษตรจริง เพื่อพิสูจน์ผลด้านการลดโรคและเพิ่มผลผลิต ก่อนจะขยายการใช้งานไปต่างประเทศ(ดังจะกล่าวถึงกรณีของอินเดียด้านล่าง) อีกตัวอย่างคือ PortaNova บริษัทปลูกผักใบในสหรัฐ (ที่มีการกล่าวถึงว่าเป็นผู้ปลูกผักใบรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ) ซึ่งได้รับการติดตั้งระบบน้ำพลาสมาของ VitalFluid ในโรงเรือน เพื่อใช้ทดแทนสารเคมีสำหรับปกป้องและบำรุงพืชเช่นกัน กรณีนี้เป็นความร่วมมือข้ามทวีปที่นำเทคโนโลยีจากเนเธอร์แลนด์มาใช้ในฟาร์มอเมริกัน โดยมีรายงานว่าระบบพลาสมาทำงานตลอด 24 ชั่วโมงในโรงเรือนของ PortaNova และช่วยให้การผลิตผักใบเป็นไปอย่างปลอดภัยต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม นอกจากนั้น ยังมีบริษัทด้านพลาสมาอื่น ๆ ในสหรัฐฯ เช่น AAPlasma LLC ที่เน้นการวิจัยกระบวนการออกซิเดชันขั้นสูงและการประยุกต์พลาสมาในหลากหลายอุตสาหกรรม (รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีฆ่าเชื้อและส่งเสริมการเจริญของพืช) และบริษัทด้านเทคโนโลยีน้ำ/โอโซนอย่าง Ozonovation ที่มีแนวคิดคล้ายคลึงในการสร้างน้ำที่มีคุณสมบัติเพิ่มเติมสำหรับใช้ในการเกษตร ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าสหรัฐฯ เป็นแหล่งบ่มเพาะทั้งความรู้และนวัตกรรมเชิงธุรกิจของพลาสมาเพื่อการเกษตร ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง

อิสราเอล

อิสราเอลขึ้นชื่อในด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีการเกษตร โดยเฉพาะการจัดการน้ำ ดังนั้นจึงมีความสนใจในการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างน้ำพลาสมามาประยุกต์ใช้ แม้ว่าปัจจุบันยังไม่มีรายงานการใช้น้ำพลาสมาอย่างแพร่หลายในเชิงพาณิชย์เหมือนบางประเทศ แต่มีความเคลื่อนไหวในเชิงวิจัยและสตาร์ทอัพที่เกี่ยวข้องใกล้เคียง ตัวอย่างหนึ่งคือ โครงการวิจัยร่วมระหว่างสหรัฐฯ-อิสราเอล (ทุน BIRD Energy) ที่สถาบันพลาสมา Nyheim ของมหาวิทยาลัย Drexel สหรัฐฯ ได้รับทุนทำงานร่วมกับทีมนักวิจัยในอิสราเอลเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีน้ำพลาสมาสำหรับการทำความสะอาดและการเกษตรยั่งยืน ซึ่งสะท้อนความสนใจของภาครัฐทั้งสองประเทศในการผลักดันพลาสมาไปใช้ประโยชน์ในวงกว้าง

นอกจากนี้ อิสราเอลยังมีสตาร์ทอัพด้าน AgTech ที่ใช้หลักการทางไฟฟ้าและพลาสมาเพื่อเพิ่มผลผลิตโดยลดสารเคมี เช่น XtrION (แม้จะไม่ใช่น้ำพลาสมาโดยตรง แต่ใช้อุปกรณ์จ่ายสนามไฟฟ้าให้พืช) สามารถเพิ่มธาตุอาหารในพืชและทำให้พืชโตเร็วขึ้น 15-30% โดยไม่ต้องเพิ่มปุ๋ยเคมี และยังช่วยไล่แมลงศัตรูพืชด้วยสนามไฟฟ้า ซึ่งแนวคิดนี้สอดคล้องกับเป้าหมายของน้ำพลาสมาในการลดการใช้สารพิษในระบบการผลิตอาหารความสำเร็จของสตาร์ทอัพเหล่านี้ในอิสราเอลชี้ให้เห็นว่าชุมชนเกษตรที่นั่นเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ และอาจมีการรวมเทคโนโลยีน้ำพลาสมาหรือพลาสมาชนิดอื่น ๆ เข้ากับระบบเกษตรความแม่นยำ (precision agriculture) ของอิสราเอลในอนาคตอันใกล้ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการผลิตและความยั่งยืน

อินเดีย

อินเดียเป็นประเทศเกษตรกรรมขนาดใหญ่ที่เริ่มนำเทคโนโลยีน้ำพลาสมาเข้ามาทดลองใช้เชิงพาณิชย์เมื่อไม่นานมานี้ ตัวอย่างสำคัญคือความร่วมมือระหว่าง Plasma Water Solutions Inc. (สหรัฐฯ) กับองค์กรเกษตรในอินเดีย เช่น Samunnati Agro Solutions ซึ่งเป็นบริษัทส่งเสริมการเกษตรรายใหญ่ของอินเดีย ในปี 2022 ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามความร่วมมือเพื่อนำเทคโนโลยีน้ำพลาสมาเข้ามาช่วยยกระดับการผลิตเกษตรของอินเดียเทคโนโลยีนี้ถูกโปรโมทว่าเป็นนวัตกรรมน้ำเพื่อการเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถฆ่าเชื้อโรค (เป็น natural microbicide) ทดแทนยาฆ่าแมลง ลดความเสียหายจากโรคพืช และกระตุ้นการเจริญเติบโตกับความทนทานต่อสภาพแวดล้อมของพืช ซึ่งเหมาะกับความต้องการของภาคการเกษตรอินเดียที่ต้องการเพิ่มผลผลิตโดยลดการใช้สารเคมีและลดความสูญเสียหลังเก็บเกี่ยว ในปี 2023 Plasma Waters (ผ่านบริษัทลูกในอินเดียชื่อ Plasma Water Solutions (I) Pvt Ltd) ได้ร่วมกับกรมวิชาการเกษตรรัฐอุตตรประเทศ (UP Horticulture และโครงการ UPDASP) จัดสาธิตเทคโนโลยีน้ำพลาสมาในไร่นาที่เมือง Rae Bareli รัฐอุตตรประเทศ โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงเข้าร่วมเปิดงานอย่างเป็นทางการการสาธิตนี้เน้นให้เห็นคุณประโยชน์ของ “Plasma-ized Water™” ต่อการเพาะปลูกในท้องถิ่น ได้แก่ การส่งสัญญาณกระตุ้นยีนและวงจรในพืชทุกชนิดให้ทำงานดีขึ้น ทำให้เมล็ดงอกเร็วและสม่ำเสมอขึ้น การเจริญเติบโตของต้นกล้าเร็วขึ้น ลดการถ่ายทอดเชื้อโรคในพืช และเพิ่มความทนทานต่อสภาวะแวดล้อมเครียด เช่น แล้งหรือความร้อน ซึ่งทั้งหมดนี้นำไปสู่ผลผลิตที่เพิ่มขึ้นและคุณภาพผลผลิตที่สูงขึ้น โดยลดการพึ่งพาสารเคมีเกษตรอย่างมาก เจ้าหน้าที่รัฐของอินเดียมองว่าเทคโนโลยีนี้เป็น “การปฏิวัติสีเขียวครั้งใหม่” ที่ผสานระหว่างการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกับการเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร ทั้งยังสอดคล้องกับเป้าหมายนโยบายของอินเดียในการทำเกษตรที่ยั่งยืน

หลังการสาธิตดังกล่าว มีแผนขยายการทดสอบ Proof of Concept ไปยังศูนย์เรียนรู้การเกษตรในเมืองไฮเดอราบาดและเจนไน รวมถึงนำเสนอเทคโนโลยีนี้ให้กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจเกษตร และสหกรณ์ผู้ผลิต (FPOs) ในเครือข่ายของ Samunnati เพื่อสร้างการยอมรับในวงกว้างต่อไปอินเดียจึงนับเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจของประเทศกำลังพัฒนาที่นำเทคโนโลยีล้ำสมัยจากต่างประเทศมาปรับใช้กับบริบทท้องถิ่นอย่างรวดเร็ว โดยหวังแก้ปัญหาท้าทายด้านผลผลิตและความยั่งยืนทางอาหารของตน

เนเธอร์แลนด์

เนเธอร์แลนด์เป็นศูนย์กลางเกษตรกรรมสมัยใหม่และเทคโนโลยีเกษตรของยุโรป จึงไม่น่าแปลกใจที่เป็นแหล่งกำเนิดของเทคโนโลยีน้ำพลาสมาเพื่อการเกษตรในเชิงพาณิชย์ บริษัท VitalFluid สัญชาติเนเธอร์แลนด์ (สปินออฟจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีไอนด์โฮเวน) เป็นผู้นำระดับโลกในการพัฒนาโซลูชันน้ำพลาสมา ซึ่งได้รับเงินทุนสนับสนุนจำนวน €5 ล้านยูโรในปี 2024 เพื่อเร่งนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดจุดขายของ VitalFluid คือระบบเครื่องผลิต PAW on-site ที่เกษตรกรสามารถติดตั้งในโรงเรือนหรือสวนของตนเอง เพื่อผลิตน้ำพลาสมาใช้ได้ทันทีจากน้ำ อากาศ และไฟฟ้า โดยไม่ต้องขนส่งหรือเก็บสารเคมีใด ๆ

ตัวอย่างการใช้งานจริง: VitalFluid ได้ติดตั้งระบบพลาสมาในโรงเรือนเกษตรหลายแห่ง ที่ดำเนินการต่อเนื่อง 24/7 ให้กับผู้ปลูกพืชชั้นนำทั้งในยุโรปและอเมริกา เช่น Azura Group (ผู้ปลูกมะเขือเทศรายใหญ่), BioSabor ของสเปน (ผู้ปลูกมะเขือเทศออร์แกนิกใหญ่ที่สุดในยุโรป) และ PortaNova ในสหรัฐฯ (ผู้ปลูกผักใบรายใหญ่) ตลอดจนฟาร์มผักสวนครัวอีกหลายแห่งในเนเธอร์แลนด์ ระบบของ VitalFluid สามารถผนวกรวมเข้ากับโครงสร้างพื้นฐานโรงเรือนเดิมได้ง่าย ทำให้เกษตรกรผลิตน้ำพลาสมาใช้เองได้ตามต้องการ ช่วยลดการใช้ยาฆ่าเชื้อราและแมลงอย่างมาก เพราะน้ำพลาสมาทำหน้าที่ทั้งป้องกันโรคและให้ธาตุอาหารไปพร้อม ๆ กัน (เปรียบเหมือน “น้ำสายฟ้า” ที่ทั้งทำความสะอาดและให้ปุ๋ย)

นอกจากนี้ โครงการ EIP-AGRI Operational Group (2017-2022) ในเนเธอร์แลนด์ได้ทดสอบการใช้น้ำพลาสมาในระดับฟาร์มจริงกับพืชหลายชนิด พบว่าการฉีดพ่น PAW บนแปลงช่วยลดการเกิดโรคราแป้งในกุหลาบได้ชัดเจน จึงลดการใช้สารฆ่าเชื้อราในการปลูกกุหลาบลง ในขณะที่ประสิทธิภาพการควบคุมโรคยังดีอยู่ นอกจากนี้ยังยืนยันความสามารถในการผลิตปุ๋ยไนโตรเจนจาก PAW ในฟาร์ม ลดการพึ่งพาปุ๋ยเคมีนำเข้าและลดการปล่อย CO2 จากการผลิตปุ๋ย ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับทิศทางเกษตรยั่งยืนของสหภาพยุโรปด้วยความสำเร็จเหล่านี้ เนเธอร์แลนด์จึงกลายเป็นผู้นำที่แสดงให้โลกเห็นว่าเทคโนโลยีน้ำพลาสมาสามารถ “ยกระดับการปลูกพืชเชิงพาณิชย์ให้ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยไม่ลดทอนผลผลิต” และพร้อมต่อยอดสู่การใช้งานวงกว้าง

บริษัทและสตาร์ทอัพที่นำเทคโนโลยีน้ำพลาสมาไปใช้ ในต่างประเทศ

 นอกจากกรณีศึกษาตามประเทศข้างต้น ยังมีองค์กรธุรกิจหลายแห่งทั่วโลกที่พัฒนาและทำตลาดเทคโนโลยีน้ำพลาสมาเพื่อการเกษตรเชิงพาณิชย์อย่างจริงจัง ดังตัวอย่างต่อไปนี้:

  • VitalFluid (เนเธอร์แลนด์): ผู้บุกเบิกระบบผลิตน้ำพลาสมาสำหรับเกษตร ปัจจุบันมีเครื่องต้นแบบ “Vidar” ที่เตรียมเปิดตัวในปี 2025 ซึ่งผ่านการทดลองกับพืชหลากหลาย (สตรอว์เบอร์รี แตงกวา แอปเปิล) กว่า 30 ครั้ง สามารถป้องกันโรคเชื้อรา (เช่น ราน้ำค้างและใบจุด) ได้ผลเทียบเท่าสารเคมี โดยไม่ทิ้งสารพิษ และใช้งานง่ายในฟาร์ม บริษัทได้รับเงินทุนจากกองทุนด้านอาหารและนวัตกรรมหลายราย เพื่อขยายการติดตั้งเชิงพาณิชย์ในโรงเรือนและสวนผลไม้ทั้งในยุโรปและอเมริกา โดยมุ่งหวังให้น้ำพลาสมาเป็น “Game changer” หรือปัจจัยเปลี่ยนโฉมการผลิตอาหารให้ยั่งยืนขึ้น
     
  • Plasma Water Solutions / Plasma Waters (สหรัฐฯ/อินเดีย): สตาร์ทอัพจากสหรัฐฯ ที่ขยายสู่ตลาดอินเดีย นำเสนอระบบพลาสมาแบบโมดูลที่เกษตรกรเข้าถึงได้ผ่านโมเดล pay-per-use (จ่ายตามการใช้งาน) ทำให้ฟาร์มขนาดเล็กก็ใช้เทคโนโลยีได้ บริษัทพัฒนา บริการ PlasmaGro™ ในอินเดียที่ให้ “สูตรน้ำพลาสมา” เฉพาะพืชแต่ละชนิดแก่เกษตรกรในราคาต่อเอเคอร์ เพื่อเพิ่มผลผลิตคุณภาพและลดการใช้สารเคมี ตัวเทคโนโลยีของ Plasma Waters ได้รับการจดสิทธิบัตร และบริษัทได้จับมือกับพันธมิตรท้องถิ่น (เช่น Samunnati, สถาบัน Heartfulness ในอินเดีย และหน่วยงานเกษตรรัฐ Uttar Pradesh) เพื่อนำร่องสู่ผู้ใช้จริง ซึ่งกลยุทธ์นี้ช่วยให้การยอมรับเทคโนโลยีใหม่เป็นไปได้รวดเร็วในชุมชนเกษตรขนาดใหญ่ของอินเดีย
     
  • Advanced Plasma Solutions (APS) / AAPlasma (สหรัฐฯ): บริษัทวิศวกรรมพลาสมาเชิงลึกที่ทำงานวิจัยพัฒนาร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน (เช่น โครงการร่วมกับ NASA และ NSF) มีความเชี่ยวชาญด้านการฆ่าเชื้อโรคด้วยพลาสมาและการออกแบบระบบพลาสมาแบบพกพา บริษัทเหล่านี้แม้จะไม่ได้เน้นขายผลิตภัณฑ์เกษตรโดยตรง แต่มีส่วนช่วยผลักดันองค์ความรู้พื้นฐานที่นำไปสู่การสร้างอุปกรณ์น้ำพลาสมาประสิทธิภาพสูงในอนาคต และพร้อมร่วมมือกับอุตสาหกรรมเพื่อสร้างโซลูชันเฉพาะทาง เช่น ระบบพลาสมาทำลายเชื้อในดิน น้ำ หรือบนพื้นผิวผลผลิตทางการเกษตร เพื่อความปลอดภัยอาหาร
     
  • Montena (สวิตเซอร์แลนด์): ผู้ผลิตเครื่องกำเนิดพลาสมาแบบพัลส์ความถี่สูง (nanosecond pulsers) ที่สามารถใช้ในการผลิตน้ำพลาสมาปริมาณมาก Montena เน้นการออกแบบเครื่องกำเนิดที่ปรับแต่งได้ เพื่อให้ได้พารามิเตอร์พลาสมาที่เหมาะสมกับการสร้างสารฆ่าเชื้อหรือปุ๋ยในน้ำตามต้องการ ผลิตภัณฑ์ของบริษัทถูกใช้ในห้องทดลองและหน่วยงานวิจัยของรัฐหลายแห่ง ช่วยให้นักวิจัยสามารถทดลองการผลิต PAW ได้อย่างต่อเนื่องและควบคุมคุณภาพ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันเทคโนโลยีนี้ออกจากห้องทดลองสู่การใช้เชิงปฏิบัติ
     
  • Henniker Plasma (สหราชอาณาจักร): บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์พลาสมาเพื่อการทดลอง มีเครื่องกำเนิดพลาสมารุ่น Cirrus ที่สามารถใช้ผลิตน้ำพลาสมาในปริมาณเล็ก (สำหรับงานวิจัยอาหาร เกษตร และชีวการแพทย์) โดย Henniker ได้สาธิตการใช้น้ำพลาสมาฆ่าเชื้อจุลินทรีย์และเพิ่มอัตราการงอกของเมล็ดในวิดีโอเผยแพร่ความรู้ด้านนี้ซึ่งมีส่วนช่วยสร้างการรับรู้ในกลุ่มนักวิจัยและผู้สนใจเทคโนโลยีใหม่นี้ในสหราชอาณาจักรและยุโรป
     

นอกเหนือจากรายชื่อข้างต้น ยังมีสตาร์ทอัพและโครงการวิจัยอีกจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับพลาสมาในภาคเกษตร ซึ่งบางส่วนอาจไม่ได้มุ่งตรงที่ “น้ำพลาสมา” แต่ใช้หลักการใกล้เคียง (เช่น การใช้พลาสมาโดยตรงกับดิน เมล็ด หรือผลผลิตหลังการเก็บเกี่ยว) ความเคลื่อนไหวของภาคเอกชนเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าเทคโนโลยีพลาสมามีศักยภาพทางการตลาดและกำลังถูกผลักดันอย่างรวดเร็วสู่ผู้ใช้งานปลายทาง โดยความร่วมมือระหว่างภาควิจัยและภาคธุรกิจเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้นวัตกรรมนี้เริ่มออกดอกออกผลในเชิงพาณิชย์

งานวิจัยและการทดลองภาคสนามสู่การใช้จริง

 งานวิจัยเกี่ยวกับน้ำพลาสมาในภาคการเกษตรมีความคืบหน้าอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยหลายโครงการได้ก้าวจากการทดลองในห้องปฏิบัติการมาสู่การทดสอบในสภาพแวดล้อมจริง (Field Trials) ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญก่อนการปรับใช้เต็มรูปแบบในเชิงพาณิชย์ ตัวอย่างเช่น:

  • โครงการทดลองในโรงเรือนมอนทรีออล (Hydroserre): ดังที่ได้กล่าวถึง โรงเรือนผักสลัดขนาดใหญ่ที่แคนาดาได้ร่วมมือกับนักฟิสิกส์พลาสมาเพื่อทดสอบการใช้พลาสมาในกระบวนการผลิตจริง โครงการนี้นอกจากจะดูประสิทธิภาพในการควบคุมโรคและให้ปุ๋ยจากน้ำพลาสมาแล้ว ยังเป็นการทดสอบการใช้พลังงานหมุนเวียน (ไฟฟ้าพลังน้ำ) มาผลิตพลาสมาด้วย เพื่อประเมินความยั่งยืนทั้งระบบผลลัพธ์เบื้องต้นคาดว่าจะช่วยยืนยันว่าแนวคิด “ผลิตปุ๋ยที่ฟาร์มด้วยพลาสมา” สามารถทำได้จริงในระดับใหญ่แค่ไหน
     
  • โครงการ PAW ในโรงเรือนมะเขือเทศและไม้ดอก (เนเธอร์แลนด์): กลุ่มปฏิบัติการ EIP-AGRI ในเนเธอร์แลนด์ (2017-2022) ที่กล่าวถึงก็เป็นตัวอย่างงานวิจัยเชิงปฏิบัติ ซึ่งหลังสิ้นสุดโครงการก็ได้เผยแพร่ผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้กำหนดนโยบายและภาคธุรกิจ (เช่น การลดใช้ยาฆ่าเชื้อราในกุหลาบ การผลิตปุ๋ยไนโตรเจนไร้คาร์บอนในแปลงผัก) สิ่งเหล่านี้เป็นฐานข้อมูลให้กับประเทศอื่นในสหภาพยุโรปต่อยอดต่อไป
     
  • การสำรวจการยอมรับของเกษตรกร (Cornell, 2025): นักวิจัยจาก Cornell และมหาวิทยาลัย Minnesota ได้ทำแบบสำรวจกลุ่มผู้ปลูกกล้าไม้และผู้ผลิตในระบบโรงเรือนเกี่ยวกับทัศนคติต่อการนำน้ำพลาสมาไปใช้ ผลการสำรวจพบว่าเกษตรกรจำนวนมากมีมุมมองเชิงบวกและสนใจทดลองเทคโนโลยีนี้ในสายการผลิตต้นกล้าซึ่งเป็นสัญญาณว่าผู้ใช้งานปลายทางเริ่มรับรู้ข้อดีและเปิดรับนวัตกรรมนี้ นอกจากนี้ผลสำรวจยังช่วยให้นักวิจัยเข้าใจความต้องการและข้อกังวล (เช่น ค่าใช้จ่าย, การปรับตัวเข้ากับระบบให้น้ำเดิม) เพื่อปรับปรุงการออกแบบผลิตภัณฑ์ PAW ให้เหมาะสมกับฟาร์มมากขึ้น
     
  • งานทดลองพิเศษอื่น ๆ: มีงานวิจัยทดลองน่าสนใจอีกหลายด้าน เช่น การใช้น้ำพลาสมาเพื่อกำจัดสารพิษจากเชื้อรา (mycotoxins) ในอาหารสัตว์, การใช้น้ำพลาสมาในการล้างผักผลไม้หลังเก็บเกี่ยวเพื่อลดเชื้อจุลินทรีย์ที่ปนเปื้อนบนผิว (พบว่าน้ำพลาสมาฆ่าเชื้อบนผิวมะเขือเทศเชอร์รี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ), และการศึกษาด้านความปลอดภัยของผลผลิตที่ได้รับน้ำพลาสมา (เช่น ตรวจสอบว่าไม่มีสารพิษใหม่หรือการกลายพันธุ์เกิดขึ้นในพืชหลังการใช้พลาสมา) เป็นต้น ซึ่งงานเหล่านี้ช่วยสร้างความมั่นใจว่าเทคโนโลยีนี้ปลอดภัยและเหมาะสมที่จะนำมาประยุกต์ใช้กับอาหารที่คนบริโภคได้จริง
     

งานวิจัยและทดลองภาคสนามดังกล่าวกำลังสะสมหลักฐานและข้อมูลเชิงเทคนิคที่จะเปิดทางให้การใช้ PAW ในวงการเกษตรเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิผล เมื่อเทคโนโลยีพร้อม ผู้ผลิตก็มีข้อมูลสนับสนุนในการตัดสินใจลงทุน และหน่วยงานกำกับดูแลก็มีข้อมูลในการออกมาตรฐานความปลอดภัย ดังนั้นช่วง 1-2 ปีข้างหน้าจึงเป็นกุญแจสำคัญที่เราจะได้เห็นการเปลี่ยนผ่านจาก “นวัตกรรมทดลอง” สู่ “มาตรฐานใหม่” ของการทำเกษตรบางประเภท

ประโยชน์และผลลัพธ์ที่ได้รับจริงจากน้ำพลาสมา

 จากข้อมูลและกรณีศึกษาที่รวบรวมมา สามารถสรุปประโยชน์สำคัญที่ได้รับการยืนยัน (ในระดับงานวิจัยหรือในระดับการใช้จริง) จากการใช้น้ำพลาสมาเพื่อการเกษตร ได้ดังนี้:

  • เพิ่มอัตราการงอกและความแข็งแรงของต้นกล้า: น้ำพลาสมาช่วยกระตุ้นให้เมล็ดตื่นตัวและงอกได้เร็วและพร้อมกันยิ่งขึ้น ต้นกล้าที่ได้รับน้ำพลาสมาแสดงการพัฒนารากและใบที่ดีกว่า ส่งผลให้การตั้งตัวของพืชไวขึ้น ตัวอย่างเช่น เมล็ดผักที่แช่น้ำพลาสมาให้อัตรางอกเกือบ 100% เทียบกับ ~85-90% ในชุดควบคุม และต้นกล้ามีน้ำหนักแห้งมากกว่าอย่างมีนัยสำคัญ
     
  • เพิ่มผลผลิตและขนาดของผลผลิต: การใช้น้ำพลาสมาอย่างต่อเนื่องตลอดวงจรการปลูก (แทนการใช้น้ำปกติ) สามารถเพิ่มจำนวนผลผลิตต่อต้นและน้ำหนักรวมต่อไร่ได้สูงขึ้น จากกรณีมะเขือเทศในเกาหลีใต้ที่ผลผลิตต่อต้นเพิ่มขึ้น 3 เท่าไปจนถึงการทดลองในญี่ปุ่นที่น้ำหนักผล (เมล็ด) เพิ่ม ~12%แนวโน้มนี้เป็นผลมาจากการที่ PAW มีไนเตรตเป็นแหล่งไนโตรเจนและสารกระตุ้นชีวภาพที่ส่งเสริมการเจริญเติบโต ทำให้พืชสามารถพัฒนาทั้งส่วนใบและผลได้เต็มที่มากขึ้น
     
  • ลดการใช้สารเคมีการเกษตร (ปุ๋ยและยาปราบศัตรูพืช): ประโยชน์ที่โดดเด่นคือการทดแทนสารเคมีด้วยน้ำพลาสมา ในด้านปุ๋ย ไนเตรตใน PAW อาจทดแทนปุ๋ยไนโตรเจนบางส่วนหรือทั้งหมดได้หากผลิตในฟาร์มอย่างเพียงพอ ลดต้นทุนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการผลิตปุ๋ยส่วนด้านสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช PAW แสดงคุณสมบัติฆ่าเชื้อรา แบคทีเรีย และไวรัสหลายชนิด จึงช่วยลดความถี่หรือปริมาณการใช้ยาฆ่าเชื้อราและยาฆ่าแมลงลงอย่างมาก ดังที่การปลูกกุหลาบในเนเธอร์แลนด์ที่ทดลองใช้น้ำพลาสมาสามารถลดการฉีดพ่นสารป้องกันราแป้งได้เพราะโรคถูกควบคุมด้วย PAW แทนอีกทั้งการสร้างน้ำพลาสมาใช้เองยังลดการพึ่งพาซัพพลายเชนของสารเคมีจากภายนอก ซึ่งมีความสำคัญมากในช่วงที่ปุ๋ยหรือสารเคมีมีราคาแพงหรือขาดตลาด
     
  • เพิ่มความต้านทานโรคและความเครียดของพืช: พืชที่ได้รับน้ำพลาสมามีแนวโน้มที่จะทนทานต่อโรคและสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมได้ดีกว่า อาจเนื่องจาก RONS ในน้ำพลาสมากระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติของพืช (induced systemic resistance) มีรายงานว่าพืชที่ได้รับ PAW มีการสะสมเอนไซม์และสารแอนติออกซิแดนท์เพิ่มขึ้น ลดการสะสมของอนุมูลอิสระที่เป็นโทษในเซลล์พืช ทำให้พืชเครียดน้อยลงแม้อยู่ในสภาพแล้งหรือร้อนจัดนอกจากนี้ยังพบว่าพืชบางชนิดเมื่อรดด้วยน้ำพลาสมาจะมีการแสดงออกของยีนที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันตัวเองเพิ่มขึ้น เช่น ยีนสร้างสารต้านเชื้อโรคหรือยีนรับสัญญาณความเครียดผลลัพธ์คือพืชแข็งแรงขึ้นโดยธรรมชาติ
     
  • ยืดอายุการเก็บรักษาและความสดของผลิตผล: น้ำพลาสมาถูกทดลองใช้ในการล้างผักผลไม้หลังการเก็บเกี่ยวเพื่อฆ่าเชื้อจุลชีพผิวดินที่ทำให้เกิดการเน่าเสีย งานทดลองกับมะเขือเทศเชอร์รี่พบว่า PAW ฆ่าเชื้อจุลินทรีย์บนผิวผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่มีสารตกค้างที่เป็นอันตราย เทียบได้กับการใช้น้ำยาฆ่าเชื้อแต่ปลอดภัยกว่าผลพลอยได้คือผักผลไม้จะเน่าเสียช้าลง คงความสดได้นานขึ้นระหว่างขนส่งและจัดเก็บบนชั้นวาง นอกจากนี้ รายงานจาก Plasma Waters ยังระบุว่าการใช้ PAW ในฟาร์มช่วยให้ผลผลิตหลังเก็บเกี่ยวสดนานขึ้น ลดอัตราการเน่าเสียจากฟาร์มสู่โต๊ะอาหารได้จริงซึ่งหมายถึงการลดความสูญเปล่าอาหารและเพิ่มมูลค่าผลผลิตให้เกษตรกรและผู้บริโภค
     
  • ปลอดภัยต่อผู้ใช้และผู้บริโภค: น้ำพลาสมาเมื่อสลายตัวแล้วจะเหลือเพียงน้ำธรรมดา ไนเตรต/ไนไตรต์ปริมาณต่ำ และออกซิเจน จึงไม่ทิ้งสารพิษตกค้างในผลผลิตหรือสิ่งแวดล้อม ต่างจากสารเคมีสังเคราะห์หลายชนิด ตัวอย่างเช่น ผู้บริโภคยุโรปกว่า 80% มีสารตกค้างของยาฆ่าแมลงในเลือด แต่การหันมาใช้วิธีพลาสมาทำให้ปัญหานี้หมดไปในระบบเกษตรแบบปิด เช่น โรงเรือน เพราะไม่มีการใช้สารพิษตั้งแต่ต้นในด้านความปลอดภัยของอาหาร งานวิจัยด้านพิษวิทยาระบุว่าไนเตรตจากน้ำพลาสมาในระดับที่พืชนำไปใช้นั้นไม่ต่างจากไนเตรตในปุ๋ยทั่วไป ส่วนสาร RONS ที่อาจตกค้างในพืชจะอยู่ในระดับต่ำและสลายไปตามเวลาหรือการปรุงอาหาร อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องมีมาตรฐานและแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนเพื่อให้ผู้ผลิตใช้น้ำพลาสมาอย่างเหมาะสม (เช่น ระยะเวลาหยุดใช้ก่อนเก็บเกี่ยว) เพื่อความมั่นใจสูงสุดของผู้บริโภค
     

บทสรุป: น้ำพลาสมา (PAW) ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่มีศักยภาพสูงในการพลิกโฉมการเกษตรสมัยใหม่ ด้วยความสามารถในการเสริมการเจริญเติบโตและปกป้องพืชโดยไม่พึ่งสารเคมีรุนแรง กรณีศึกษาทั่วโลกแสดงให้เห็นทั้งประสิทธิผลทางการเกษตร (เพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน) และความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม (ลดสารพิษ ลดคาร์บอน) ที่ได้รับจากเทคโนโลยีนี้ แน่นอนว่ายังมีความท้าทายที่ต้องข้ามผ่าน เช่น การปรับขนาดเทคโนโลยีให้เหมาะกับฟาร์มประเภทต่าง ๆ ต้นทุนอุปกรณ์ที่ต้องลดลงเมื่อผลิตจำนวนมาก และการสร้างมาตรฐานรับรองความปลอดภัยของผลผลิตพลาสมาในตลาด แต่ด้วยความร่วมมือใกล้ชิดระหว่างนักวิจัย ภาคธุรกิจเกษตร และภาครัฐในหลายประเทศที่เราได้เห็น น้ำพลาสมากำลังก้าวออกจากห้องทดลองสู่ท้องไร่อย่างมั่นคง มีแนวโน้มว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เราจะได้เห็นเทคโนโลยีนี้ถูกนำไปใช้ในวงกว้างขึ้น และอาจกลายเป็นเครื่องมือสามัญประจำฟาร์มในการทำเกษตรปลอดภัยและยั่งยืนทั่วโลก

แหล่งอ้างอิง

 

  • Montena. “Plasma activated water.” (2025) – อธิบายคุณสมบัติของน้ำพลาสมาและการสร้าง RONS ในกระบวนการพลาสมา 


  • VitalFluid – Global AgInvesting News (2024). “VitalFluid Raises €5M for Plasma Activated Water Applications.” – กล่าวถึงการติดตั้งระบบน้ำพลาสมาในโรงเรือน Azura, BioSabor, PortaNova และประสิทธิภาพการปกป้องพืชของเทคโนโลยี VitalFluid
     
  • EU CAP Network (2022). “Plasma Activated Water for Sustainable Agriculture – Good Practice.” – สรุปผลโครงการทดลองในเนเธอร์แลนด์: ลดการใช้ยาฆ่าเชื้อราในกุหลาบ และผลิตปุ๋ยไนโตรเจนในฟาร์มแบบไร้คาร์บอน
     
  • Global Agriculture (2022). “Samunnati partners with Plasma Waters to bring water technology for improving sustainable Agri output in India.” – ความร่วมมือเพื่อนำน้ำพลาสมาเข้าอินเดียและคุณสมบัติ PAW ในการทดแทนยาฆ่าแมลงและเพิ่มการเติบโตของพืชglobal-
     
  • Global Agriculture (2023). “Plasma Water Solutions… demonstrate Plasma-ized Water Technology in Uttar Pradesh.” – รายงานการสาธิตเทคโนโลยีในรัฐอุตตรประเทศ อินเดีย และประโยชน์ที่ได้กับพืช (งอกเร็ว โตไว ต้านโรค/แล้ง)
     
  • Ryza A. Priatama et al. (2025). “Tomato yield enhancement with plasma-activated water as an alternative nitrogen source.” – งานวิจัยเกาหลีใต้ แสดงสถิติการเพิ่มการเจริญและผลผลิตมะเขือเทศด้วยน้ำพลาสมา (ผลเพิ่ม 3 เท่า, ชีวมวลเพิ่ม ~3.9 เท่า)
     
  • John Boyd – IEEE Spectrum (2015). “A Blast of Plasma Makes Plants Grow Faster.” – รายงานการทดลองพลาสมากับเมล็ดพืชที่ญี่ปุ่น (เก็บเกี่ยวเร็วขึ้น 7%, น้ำหนักเมล็ดเพิ่ม 12%)
     
  • Plasma Waters (เว็บไซต์บริษัท, 2025). “Organic, Eco-Friendly Plasma Farming Solutions – PlasmaGro™ in India.” – กล่าวถึงโมเดลธุรกิจการให้บริการน้ำพลาสมาแก่เกษตรกรรายย่อยในอินเดีย และประโยชน์ที่คาดหวัง
     
  • Stephen Ornes – ScienceNews (2021). “Cold plasma could transform the sustainable farms of the future.” – อธิบายโครงการพลาสมาในโรงเรือน Hydroserre แคนาดา และหลักการทำปุ๋ยไนโตรเจนจากพลาสมาเพื่อลดการใช้ปุ๋ยเคมี
     
  • Tal Shahaf – Ynet News (2023). “Israeli agriculture startup XtrION… to revolutionize plants.” – กรณีศึกษา XtrION ในอิสราเอล ใช้สนามไฟฟ้าเพิ่มผลผลิต 30% และไล่แมลงศัตรูพืช ลดการใช้สารเคมี (เทคโนโลยีอยู่ขั้นทดลอง)


ไปดูโคกหนองนา Bio Signal & Plasma Farming Model

น้ำพลาสมาเพื่อการเกษตร

ดาวน์โหลด PDF
กลับไปหน้าแรกในใจเครื่องผลิตน้ำพลาสมา Click เลยซิครับไปดูโคกหนองนา หมู่ 2

 Copyright ©2025 Rujirada Creative Innovation Co., Ltd. All rights reserved. 

  • หมูแดดเดียว
  • BioSignal Farming
  • โคกหนองนา

“Innovating Nature, Empowering Communities.”

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้

เราาใช้คุกกี้ในการวิเคราะห์การเข้าชมเว็บไซต์และปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดีขึ้น เมื่อยอมรับการใช้งานคุกกี้ของเรา เราจะรวบรวมข้อมูลของคุณกับข้อมูลผู้ใช้อื่นๆ ทั้งหมด

ปฏิเสธยอมรับ